วัสดุพลาสติกถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์เมื่อปี ค.ศ.1907 (พ.ศ. 2450) สำหรับอุตสาหกรรมประมง วัสดุพลาสติกก็ถูกนำมาใช้ผลิตเครื่องมือประมง หรือส่วนประกอบในรูปแบบของเส้นใยสังเคราะห์จำพวก โพลีเอสเตอร์ (Polyester) โพลีเอธิลีน (Polyethylene) ไนล่อน (Nylon) ฯลฯ เป็นต้น โดยเข้ามาทดแทนเส้นใยธรรมชาติจำพวก ฟางข้าว หญ้า เส้นใยจากต้นไม้ เพื่อใช้จับสัตว์น้ำ ทั้งในส่วนของอวน เชือก ทุ่น สายเบ็ดและส่วนประกอบอื่นๆที่จำเป็นของเครื่องมือประมง รวมถึงใช้สำหรับกิจกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างแพร่หลาย
อวนหรือตาข่ายที่ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ ที่ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องมือประมงสามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่างๆต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของการประมงตามมาในระยะยาว ปัญหาที่สำคัญอย่างหนึ่งของวัสดุสังเคราะห์โดยทั่วไป คือ การไม่ย่อยสลายในระยะเวลาอันสั้น ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล เช่น เมื่อเกิดเครื่องมือประมงสูญหาย หรือความตั้งใจทิ้งเครื่องมือประมง หรือไม่ตั้งใจก็ตามลงในทะเล (Abandoned, Lost or otherwise Discarded Fishing Gear-ALDFG) ก็จะก่อให้เกิดปัญหาขยะทะเล และยังก่อให้เกิดปัญหาต่อเนื่อง คือ เครื่องมือประมงหรือส่วนประกอบยังคงทำหน้าที่เป็นเครื่องมือประมงผี (Ghost net) มีประสิทธิภาพในการจับสัตว์น้ำหลงเหลืออยู่ แต่ไม่สามารถนำสัตว์น้ำนั้นมาใช้ประโยชน์ได้ หรือเป็นการทำลายพันธุ์สัตว์น้ำ และแหล่งที่อยู่อาศัยสัตว์น้ำนั้นด้วย (เช่น ผืนอวนปกคลุมกองปะการัง หรือปกคลุมพื้นทะเล) ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากเครื่องมือประมงที่เป็นผืนอวนทั้งหลาย เช่น อวนลอย (Gillnet) อวนลาก (Trawl) หรืออวนล้อม (Purse seine) รวมถึงเครื่องมือประมงชนิดอื่น เช่น ลอบ (Trap, Pot) สายเอ็นเบ็ด (Monofilament) ก็ก่อให้เกิดปัญหาเช่นกัน